วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


ปัจจุบัน HDMI ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อภาพและเสียงในยุคปัจจุบันไปแล้ว เนื่องด้วยความสะดวกในการใช้งาน รองรับความละเอียดสูงรวมถึงราคาก็ไม่แพง และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามาตรฐาน HDMI เวอร์ชั่นใหม่คือ 1.4 ได้ผ่านการรับรองจาก HDMI Licensing consortium แล้วเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมที่จะวางจำหน่ายในปีหน้า โดยฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน HDMI 1.4 นั้นก็จะมี
hdmi 300x199 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ HDMI 1.4
HDMI Cable
1. เพิ่มช่องสัญญาณ ethernet
ในเวอร์ชั่นนี้จะมีการเพิ่มช่องสัญญาณการเชื่อมต่อแบบ ethernet เข้าไปในสายด้วย ทำให้อุปกรณ์นั้นสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้ ทำให้การอุปกรณ์ใหม่ๆ นั้นสามารถรองรับระบบอินเตอร์เน็ตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงไม่ต้องแยกสายแลนออกมาต่างหากเหมือนที่ผ่านมา โดยความเร็วนั้นสามารถส่งได้สูงสุด 100Mbps

2. รองรับการส่งสัญญาณ 3D ที่ 1080p
ในตอนนี้เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาคือเทคโนโลยีการมองแบบสามมิติ ซึ่ง HDMI นี้ก็รองรับเช่นกัน โดยสามารถส่ง 3d streamควบคู่กับการส่งปกติได้ด้วย โดยจะรองรับได้ถึงระบบ full hd (1080p) ซึ่งปัจจุบันโทรทัศน์ในต่างประเทศหลายๆ ช่องเริ่มมีการแพร่ภาพแบบสามมิติแล้ว รวมถึงเกมพีซีและคอนโซลหลายๆ เกมก็มีแนวโน้มที่จะรองรับในอนาคตด้วย

3. รองรับความละเอียด “โคตรสูง”
ปัจจุบันนั้นเราดูทีวีกันที่ความละเอียดสูงสุดคือ 1080p แต่เจ้า HDMI 1.4 มองไปไกลกว่านั้น โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้จะรองรับความละเอียดได้สูงสุดถึง 3840 x 2160 pixels ที่ 24Hz, 25Hz and 30Hz และ 4096 x 2160 pixels ที่ 24Hz

4. มี Audio Return Channel
ในเวอร์ชั่น 1.4 นี้อุปกรณ์ทีวี สามารถส่งสัญญาณเสียงกลับไปยัง AV Reciever ได้โดยใช้สายสัญญาณ HDMI ตัวใหม่นี้ แทนที่จะต้องใช้สายแยกเหมือนที่ผ่านมา

5. รองรับ color space ที่เพิ่มขึ้น
มีการรองรับ sYCC601, Adobe RGB, และ Adobe YCC601 เพิ่มเข้ามาเพื่อการแสดงรูปภาพที่ให้สีที่สมจริงมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ชอบถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ

6. มีหัวต่อแบบใหม่อีกสองแบบ
HDMI 1.4 เป็นครั้งแรกที่มีหัวต่อแบบ micro connector เข้ามาให้ได้ใช้กัน โดยหัวต่อแบบ micro connector นี้จะใช้ในการเชื่อมต่อเช่น โทรศัพท์มือถือ, กล้องดิจิตอล, pmp (portable media player) โดยในสเปคนั้นสายชนิดนี้เรียกว่าเป็นชนิด D ส่วนอีกแบบคือสายชนิด E ที่เรียกว่า Automotive Connection System ซึ่งจุดประสงค์นั้นจากชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าเป็นการเชื่อมต่อเพื่อกระจายสัญญาณแบบ HD ภายในยานพาหนะนั่นเอง

micro hdmi 420 90 300x282 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ HDMI 1.4
HDMI 1.4 Micro Connector
7. HDMI 1.4 ไม่รองรับกับอุปกรณ์รุ่นเก่า
เป็นคำกล่าวที่ออกมาจากทาง HDMI.org เองว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ได้กล่าวมานี้ จะไม่สามารถเพิ่มได้โดยการอัพเฟิร์มแวร์ นั่นก็คือหมายความว่ามันจะรองรับเมื่อซื้ออุปกรณ์ตัวใหม่ที่มีิชิปที่สนับสนุนเท่านั้น

8. ต้องซื้อทีวีใหม่เพื่อรองรับความละเอียด 4K x 2K
แน่นอนตามหัวข้อ เพราะปัจจุบันทีวีนั้นรองรับสูงสุดเพียงแค่ 1080p เท่านั้น ใครอยากได้ภาพคมกว่าันั้นก็เก็บเงินกันได้เลย

9. นอกจากนี้ต้องซื้อสายใหม่
HDMI 1.4 มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของสาย ดังนั้นหากจะใช้งานจำเป็นต้องซื้อสายใหม่ด้วย ซึ่งสายจะมีสองแบบคือ HDMI Cable with Ethernet ที่รองรับความเร็วที่ประมาณ 720p ถึง 1080i ส่วนอีกแบบคือแบบ High Speed ที่รองรับได้สูงสุดที่ 1080p, ระบบสามมิติ, และ color space ที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญอย่าได้หวังว่าราคามันจะถูกในช่วงแรก

10. เตรียมพบกับ HDMI 1.4 ได้ในช่วงกลางปีหน้า
สำหรับผู้ใช้ตามบ้านอย่างเราๆ นั้นกว่าจะได้เห็นมาตรฐานตัวใหม่นี้ก็ในช่วงประมาณกลางปีหน้านั่นเอง โดยในตอนนี้ผู้ผลิตรายใหญ่ต่างๆ ก็เตรียมที่จะผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ออกมาสู่ตลาดกันแล้ว โดยที่ NXG ได้ทำสาย HDMI 1.4 ออกมาแล้วในรุ่นชื่อว่า Black Pearl ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีอุปกรณ์ไหนเสียบได้ก็ตาม

hdmi cable 420 90 300x300 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ HDMI 1.4

มารู้จักประเภทของสาย HDMI กันเถอะ

Belkin High Speed HDMI Cable with Ethernet

เดี๋ยวนี้ HDMI ซึ่งเป็นมาตรฐานในการส่งข้อมูลภาพและเสียงหลายช่องแบบดิจิตอล นั้นตอนนี้เป็นที่นิยมมากจนเห็นกันเป็นของธรรมดา ๆ ไปแล้ว แต่เท่าที่สังเกตดู พบว่าหลาย ๆ คนยังสับสนเกี่ยวกับเรื่องประเภทของสาย HDMI วันนี้ RE.V-> ก็จะเอาเรื่องนี้มานำเสนอให้ได้อ่านกันครับ

เลขเวอร์ชั่นนั้นสำคัญไฉน

มาตรฐาน HDMI นั้นเป็นมาตรฐานที่ไม่อยู่นิ่งเหมือนมาตรฐานตัวอื่น ๆ เพราะว่าทางผู้พัฒนามีการเพิ่มเติมความสามารถต่าง ๆ ลงไปในมาตรฐานอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้า HDMI นี้เก่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบัน เวอร์ชั่นล่าสุดของ HDMI อยู่ที่ 1.4 ซึ่งมีความสามารถหลัก ๆ ที่เพิ่มเติมจากเวอร์ชั่น 1.3 อยู่ดังนี้ครับ
  • HDMI Ethernet Channel (HEC) เพิ่มช่องสัญญาณเครือข่ายความเร็วสูงสุด 100 Mbps หรือให้พูดง่าย ๆ ก็คือเพิ่มสาย LAN เข้ามาใน HDMI น่ะแหละ
  • Audio Return Channel (ARC) ทำให้โทรทัศน์สามารถส่งสัญญาณเสียงกลับไปที่ A/V Reciever ได้ เพื่อให้เสียงจากโทรทัศน์ไปออกที่ชุดลำโพงได้ (ปกติโทรทัศน์จะทำได้แค่รับสัญญาณภาพที่ต่อออกมาจาก AVR เท่านั้น)
  • รองรับระบบภาพแบบ 3D
  • รองรับวิดีโอที่มีความละเอียดระดับ 4K (4096 x 2160 พิกเซล)
  • Content Type รองรับการส่งสัญญาณประเภทของเนื้อหาจากเครื่องเล่นไปโทรทัศน์ ทำให้โทรทัศน์สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้เจ้ากับเนื้อหาได้
  • รองรับ Color Space เพิ่มเติม ซึ่งส่วนมากจะเป็น Color Space ที่ใช้ในไฟล์รูปถ่ายต่าง ๆ เช่น Adobe RGB
นอกจากความสามารถที่เพิ่มมา ก็ยังมีการกำหนดเรื่องของหัวปลั๊กแบบใหม่ ๆ และประเภทของสายที่เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป

ประเภทของสาย HDMI

  
 
ทาง HDMI นั้นได้เริ่มแบ่งประเภทของสายตั้งแต่ช่วงประมาณเวอร์ชั่น 1.3 ซึ่งก็คือแบบ Standard และ High Speed และในเวอร์ชั่น 1.4 เองนั้นก็ได้มีการเพิ่มชนิดของสายเข้ามาอีก ทำให้ปัจจุบันสาย HDMI มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่
  • Standard HDMI Cable รองรับปริมาณข้อมูลในการส่งสัญญาณภาพที่ 1080i และ 720p ได้อย่างราบลื่น เหมาะกับการใช้งานกับพวกกล่องเคเบิ้ลทีวี กล่องดาวเทียม หรือเครื่องเล่นดีวีดีแบบ up-scale
  • Standard HDMI Cable with Ethernet ความสามารถเหมือนสาย Standard แต่เพิ่ม Ethernet Channel สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ HDMI-HEC
  • Standard Automotive HDMI Cable ความสามารถเหมือนสาย Standard แต่เพิ่มเติมการทดสอบให้มากกว่า เพราะสายต้องนำไปใช้ในรถยนต์ซึ่งมีการกวนกันของสัญญาณสูงกว่าการใช้งานตามบ้าน
  • High Speed HDMI Cable รองรับปริมาณข้อมูลในการส่งสัญญาณภาพได้มากกว่าที่ 1080p ขึ้นไป และรองรับการส่งสัญญาณภาพแบบ 3D 4K และ Deep Color เหมาะกับการใช้งานกับเครื่องเล่นบลูเรย์ เครื่องเล่นเกมแบบ HD เช่น PlayStation 3
  • High Speed HDMI Cable with Ethernet ความสามารถเหมือนสาย High Speed แต่เพิ่ม Ethernet Channel เข้ามา
ซึ่งสายแต่ละประเภทนั้นจะถูกทาง HDMI ทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ข้างบน ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้โลโก้บนตัวสินค้าได้ อย่างไรก็ตามตัวสายนั้นอาจจะมีประสิทธิภาพที่มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดที่สายเส้นนั้นทดสอบผ่านได้ เช่น สายแบบ Standard บางเจ้าอาจจะสามารถส่งสัญญาณภาพได้ถึง 1080p ซึ่งมากกว่ามาตรฐาน แต่อาจจะไม่สามารถใช้งานกับสัญญาณภาพแบบ 3D ได้ หรือสาย HDMI บางรุ่นของบริษัท Monster ซึ่งทำสายมาให้รองรับปริมาณข้อมูลเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ จนกล้ารับประกันว่า ไม่ว่าอุปกรณ์จะมีการเปลี่ยนแปลงหรืออัพเกรดไปอย่างไร สายของ Monster จะยังใช้งานได้อยู่
แล้วเลขเวอร์ชั่นล่ะ ไม่ใช้แล้วเหรอ คำตอบมันก็ไม่ได้ใช้กันแต่แรกแล้วครับ แต่ผู้ผลิตเป็นคนเอาเลขเวอร์ชั่นไปใส่กันเอง จนทำให้คนซื้อเมื่อก่อนลืมไปเลยว่าสาย HDMI มันมีแค่ Standard กับ High Speed เท่านั้น ไม่ใช่ 1.2 1.3 หรือ 1.4 และนี้อาจจะเป็นสาเหตุให้ทาง HDMI ได้บังคับให้เหล่าผู้ผลิตสายห้ามใส่เลขเวอร์ชั่นลงในตัวสินค้า บรรจุภัณฑ์ และการโฆษณา ซึ่งผมคิดว่าเพื่อลดความสับสนในการเลือกซื้อสายให้ถูกต้องตามการใช้งาน
สรุปก็คือสาย HDMI มี 5 ประเภท และเลขเวอร์ชั่นก็ไม่ได้บอกถึงประเภทของสายครับ

รวมปัญหาที่หลาย ๆ คนมักจะถามประจำ

ผมมีเครื่อง XXX อยู่ อยากจะต่อดู 3D มีสาย HDMI รุ่นเก่าอยู่ ต้องเปลี่ยนสาย HDMI ใหม่หรือไม่
ถ้าหากสายที่ใช้เดิมนั้นเป็นสายแบบ High Speed ส่วนมากจะสามารถใช้ดู 3D ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย และทุกฟีเจอร์ใน HDMI 1.4 นั้นหากมีสาย High Speed เดิมอยู่แล้ว แทบไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสายใหม่เลย ยกเว้นฟีเจอร์ Ethernet Channel เท่านั้นที่ต้องใช้สายเส้นใหม่ เพราะมีการปรับปรุงตัวสายเพิ่มเติม
สาย HDMI สามารถยาวได้ที่สุดเท่าไร
ทาง HDMI ไม่ได้กำหนดความยาวมากสุดของสายเอาไว้ เพียงแต่ถ้ามีคนทำสายความยาวมาก ๆ มาแล้วผ่านการทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดก็จะการรับรองไป จาก FAQ ของทาง HDMI นั้นได้เคยรับรองสายความยาวมากถึง 10 เมตรมาแล้ว
ใช้อุปกรณ์ที่เป็น HDMI 1.4 ต้องใช้สายที่เป็น HDMI 1.4 หรือไม่
จากข้างต้นที่ว่าตัวสายไม่มีเวอร์ชั่น จะใช้สายอะไรก็ได้ แต่เลือกประเภทของสายให้ถูกกับการใช้งานล่ะกัน
จะรู้ได้อย่างไรว่าสายที่ซื้อมานั้นได้รับการรับรองจากทาง HDMI จริง ๆ ไม่ใช่เอาโลโก้มาติดบนกล่องเท่ ๆ
แนะนำให้ซื้อสายจากบริษัทหรือผู้ผลิตที่เป็นสมาชิกกับทาง HDMI สามารถดูรายชื่อได้จากที่นี้
สาย HDMI ราคาถูกกับราคาแพงต่างกันที่ไหน
สายราคาถูกกับราคาแพงนั้นมักต่างกันที่การออกแบบหัวปลั๊ก คุณภาพของตัววัสดุที่ใช้ทำสาย และขั้นตอนการทดสอบคุณภาพต่าง ๆ สายที่แพงกว่านั้นมักจะออกแบบมาให้ตัวสายทนต่อการดึงหัวปลั๊กเข้า – ออก การขดงอของสาย การหักสายที่ตัวปลั๊กได้ดีกว่าสายราคาถูก โดยเฉพาะสายราคาถูกโนเนมที่หน้าตาอาจจะดูคล้าย ๆ สายมียี่ห้อ แต่พอใช้งานไปสักระยะก็พังคามือซะแล้ว และส่งสัญญาณได้ตามที่ระบุเอาไว้ นอกจากนี้บางบริษัทยังมีการรับประกันสินค้าให้ด้วย
HDMI 1.4 Cable จาก NXGถ้าคุณเหมือนผมเวลาที่ได้รับบิลค่าเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม คุณอาจคิดว่าทำไมถึงต้องเสียเงินอยู่ตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่มากมายที่สามารถรับชมได้ฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยผ่านอินเทอร์เน็ต
คงต้องยอมรับนะครับว่าในปัจจุบันพอร์ตเชื่อมต่อภายนอกเพื่อแสดงผลอย่าง HDMI ได้รับความนิยมอย่างมาก (ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface) ดูได้จากจำนวนโน้ตบุ๊กที่มีพอร์ต HDMI ไว้ใช้งาน เรียกว่าแทบจะมาทดแทนพอร์ตเก่าอย่าง VGA เลยทีเดียว อย่างที่เห็นได้จากการที่ Ultrabook หรือโน้ตบุ๊กบางตัวไม่มีพอร์ต VGA นี้แล้ว ด้วยความที่มีคุณสมบัติที่ได้การยอมรับไปทั่วทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อที่เป็นมาตรฐานของ HDTV อาทิ LCD TV, LED TV, Plasma TV และอุปกรณ์ AV อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นพอร์ตแบบดิจิตอลที่ให้ความละเอียดของภาพที่สูง และสามารถเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
 
แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งพอร์ตมาตรฐานดิจิตอลที่ได้รับความนิยมอย่างเงียบๆ อย่าง DisplayPort ที่เรามักจะเห็นใน MacBook กับโน้ตบุ๊กระดับสูง หรือไม่ก็เป็นโน้ตบุ๊กที่เน้นงานกราฟิก รวมไปถึงการ์ดจอระดับกลางๆ ขึ้นไป และมินเตอร์ระดับมืออาชีพ ด้วยคุณสมบัติหลายอย่างที่เหนือกว่า HDMI แต่เหมาะสำหรับใช้งานมืออาชีพเป็นหลัก ทำให้ความนิยมนั้นสู้ในฝั่งของพอร์ต HDMI ไม่ได้ 
 
ว่าแล้วทางทีมงาน Notebookspec ก็เลยจัดตารางเปรียบเทียบมาให้ได้ดูกัน ว่า HDMI และ DisplayPort มีข้อเด่นข้อจำกัดอะไรบ้าง เผื่อว่ามีหลายๆ ท่านคงอยากทราบกัน รวมไปถึงเป็นข้อมูลในการประกอบตัดสินใจเลือกซื้อโน้ตบุ๊กมาใช้งานซักหนึ่งเครื่องครับ

ประเภทพอร์ต                        HDMI        DisplayPort
รูปลักษณ์ภายนอก                                 
จำนวนพิน                         19 พิน           20 พิน
ความละเอียดสูงสุด           4096×2160 พิกเซล ที่ 24Hz 3840×2160 พิกเซล ที่ 60Hz
แบนด์วิดท์สูงสุด                     10.2 Gbit/s        8.64 Gbit/s
การส่งข้อมูล                    ทำได้ทางเดียว        ทำได้สองทาง
รองรับเป็น USB Hub ได้                       ไม่รองรับ           รองรับ 
ควบคุมอุปกรณ์ A/V                        รองรับ        ยังไม่รองรับ
อัตราการใช้พลังงาน                       มากกว่า          น้อยกว่า
รองรับเทคโนโลยี HDCP                        รองรับ           รองรับ
ความยาวสูงสุดของสาย                       15 เมตร          15 เมตร
ความยาวสายที่ดีที่สุด                        5 เมตร            3 เมตร
เปลี่ยนสายเป็นใยแก้วนำแสง                     เปลี่ยนไม่ได้          เปลี่ยนได้ 
จำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ                       มากกว่า          น้อยกว่า

นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีในส่วนของประเภทพอร์ตต่างๆ ที่แยกออกมาอย่าง HDMI ขนาดมาตรฐาน (Type A) ก็จะมี Mini HDMI (Type C) และ Micro HDMI (Type D) ที่จะเน้นไว้ใช้กับอุปกรณ์พกพา อาทิ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และกล้องดิจิตอล ซึ่งในเรื่องของคุณสมบัติความสามารถต่างๆ นั้นมีความเหมือนกันทั้ง แต่ที่แตกต่างจะเป็นเพียงเรื่องของรูปแบบหน้าตาของพอร์ตเท่านั้น โดยปัจจุบันเวอร์ชั่นของพอร์ต HDMI ตามโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ที่ 1.4 เกือบทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าในเรื่องของการเชื่อมต่อ 3 มิติ นั้นไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รองรับ
อีกทั้งสำหรับ DisplayPort (เวอร์ชั่นปัจจุบันคือ 1.2) นอกเหนือจากที่มี DisplayPort ขนาดปกติแล้วที่ไว้เชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กที่มีพอร์ตนี้แล้ว ก็ยังมีแบบขนาดเล็กที่ใช้ชื่อว่า Mini DisplayPort ไว้เชื่อมต่อกับ MacBook หรือ iMac ของ Apple อีกทั้งในส่วนของ Mac รุ่นใหม่ๆ Mini DisplayPort ยังมีหน้าตาเหมือนกันกับพอร์ตเชื่อมต่อความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt (รูปสายฟ้า)
พร้อมความสามารถที่ต่อออกได้หลายจอพร้อมๆ กันโดยการพ่วง (จอนั้นต้องรองรับการพ่วง) โดยที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ต่อได้ 2 จอ และที่ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล ต่อได้ถึง 4 จอ


อย่างไรก็ตามทั้งพอร์ด HDMI และ DisplayPort สามารถแปลงเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ DisplayPort to HDMI หรือ HDMI to DisplayPort ผ่านตัวแปลงต่างๆ ที่ทำออกมาจำหน่าย ฉะนั้นไม่ต้องคิดมากเท่าไหร่หากโน้ตบุ๊กที่เราซื้อว่าเป็นพอร์ตอีกอย่างแล้วอุปกรณ์ที่เราต้องเชื่อมต่อเป็นพอร์ตอีกอย่าง
ด้านการเชื่อมต่อไปยังโน้ตบุ๊กไม่ว่าจะเป็น HDMI หรือ DisplayPort ก็ทำได้ง่ายๆ เพราะด้วยความที่เป็นพอร์ตดิจิตอลสามารถคุยรู้เรื่องกับโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ของโน้ตบุ๊กได้ทันที เพียงเสียบสายเชื่อมต่อเสร็จก็ปรับความละเอียดหน้าจอตามที่เราต้องการ แต่แนะนำว่าเพื่อความคมชัดสูงสุดและสัดส่วนที่ถูกต้อง ควรปรับความละเอียดไปที่ความละเอียดสูงสุดของหน้าจอนั้นๆ ด้วย (อ่านขั้นตอนการต่อเข้าทีวีแบบละเอียดได้ที่นี่)
 
สุดท้ายนี้ก็ขอแนะนำว่าให้ซื้อโน้ตบุ๊กที่มีพอร์ต HDMI มาให้เป็นมาตรฐานจะดีกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเอาไว้เชื่อมต่อ HDTV หรืออุปกรณ์ AV เพื่อใช้งานเ้านความบันเทิง แต่ในส่วนใครที่รู้ว่าตนเองต้องใช้งานด้านกราฟิกหรือเป็นมืออาชีพที่จำเป็นต้องใช้ DisplayPort แล้วล่ะก็ แนะนำว่าให้ซื้อโน้ตบุ๊กที่มี DisplayPort มาเลยนะครับ เพื่อในการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

HDMI เวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรก จะมีความเร็วในการส่งสัญญาณข้อมูลภาพอยู่ที่ 165 เมกะเฮิรตซ์ โดยสามารถรองรับสัญญาณภาพแบบ High-Definition ที่ความละเอียดสูงถึง 1080p ที่ 60 เฮิรตซ์ ได้ (WUXGA) แต่ถ้าต้องการความละเอียดที่สูงมากกว่านี้ก็จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ มาตรฐาน HDMI ที่มีเวอร์ชันใหม่มากขึ้น โดยบางรุ่นสามารถรอบรับ ได้ถึง 340 เมกะเฮิรตซ์ และมีสามารถส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียดระดับ 2560 x 1600p (WQXGA)
HDMI เวอร์ชัน 1.1 สามารถเพิ่มการส่งผ่านสัญญาณ Dolby Digital, DTS, และ DVD-Audio Surround Signals รวมทั้ง 7.1 Channels PCM Audio
HDMI เวอร์ชัน 1.2 เพิ่มความสามารถการส่งผ่านสัญญาณ SACD แบบดิจิตอล
HDMI เวอร์ชัน 1.3 เพิ่มความสามารถทางด้าน Audio และ Video อันเนื่องมาจากการพัฒนา Blu-Ray Disc และ HD-DVD ซึ่ง Version 1.3 สามารถส่งผ่าน Digital bitstreams สำหรับ High resolution audio format แบบใหม่ได้ รวมทั้งระบบ Dolby Digital Plus, Dolby True HD และ DTS-HD
HDMI เวอร์ชัน 1.3a ปรับ ปรุงความสามารถทางด้าน Audio และ Video ขึ้นอีก โดยการเพิ่ม Bandwidth เพิ่มความสามารถในการส่่งผ่าน Color Depth ได้ถึง 48-bits และสามารถรองรับ Resolution ได้สูงกว่า 1080p
HDMI เวอร์ชัน 1.4 มีการปรับปรุงให้มีความสามารถมากขึ้นทางด้านความเร็วแล้ว เพิ่มเครือข่ายความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยง HDMI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่จาก อุปกรณ์ไร้สาย สนับสนุน เทคโนโลยี 3D ทั้ง Game และ Home Therter จนถึง 1080p อีกทั้งยัง สนับสนุนความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4,096 x 2,160 pixel นั่นคือการแสดงผลที่มากขึ้นกว่าเดิม 4 เท่าในปัจจุบัน
ASUS M3N-H/HDMI


                  สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซนที่รักทุกคนวันนี้ก็กลับมาพบกันกับผมอีกครั้งนึงแล้วครับหลังจากคราวก่อนได้เล่นสามคอร์ไป    เจ้าตัวนั้นก็ยังอยู่ในมือผมเหมือนเดิมครับ และคราวนี้ผมจะลองจับมันมาเทสเทียบชนั้กับรุ่นพี่แต่คราวนั้นผมใช้เมนบอร์ดในรุ่น สูงแต่ในวันนี้ผมจะลองเล่นบอร์ดตัวกลางๆค่อนไปทางเล็กบ้างครับซึ่งก็คือ ASUS M3N-H/HDMI ซึ่งฝังชิป GeForce 8300 ซึ่งทางอัสสุทได้ส่งมาให้ทางเราทดสอบครับ จุดเด่นของเมนบอร์ดตัวนี้ก็อย่างที่บอกไปครับได้ฝังชิปกราฟฟิกที่มีนานมว่า GF8300 ซึ่งหลายๆ สถาบันบอกไว้ว่า เป็นกราฟฟิกออนบอร์ดที่แรกๆมากๆเรียกว่าจะแรงที่สุดณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ และตัวกระผมผมเองก็สงสัย ในตัวกราฟฟิกออนออนบอร์ดตัวนี้เป็นอย่างมากว่ามันจะแรงอย่างที่เขาพูดกันไว้หรือเปล่า......พวกท่านสงสัยกันไหมครับถ้าสงสัยก็ เชิญชมไปพร้อมกับผม......โอเวอร์คล๊อกเกอร์สุดหล่อได้เลยครับลุย!!!!!!!!!!


Package & Bundle




บันเดิลที่มาพร้อมกับบอร์ดด็มี สายSATA2เส้น สายไฟเลี้ยงฮาร์ดดิสแบบซาต้า2เส้น , สายเชื่อมต่อ D-Sub สาย IDE และ FDD , ฝาหลัง , คู่มือ และ แผ่นไดร์ฟเวอร์ครับ


M3N-H/HDMI Detail






จากเลย์เอาท์จะเห็นได้ว่ามีข้อบกพร่องอยู่ 1 ส่วนคือส่วนของช่องเสียบไฟเลี้ยงครับกระโดดไปอยู๋ตรงกลางบอร์ดเลยทีเดียว จะทำให้การจัดสายนั้นยากขึ้นมาอีกนิด แต่ผมคิดว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับนักโมนักมอดอยู่แล้วครับ


ในส่วนของภาคจ่ายไฟนั้นมี 4+1 เฟสด้วยกันครับ และใช้คาปาซิเตอร์โซลิตทั่งทั้งบอร์ดเลยทีเดียวครับ และในส่วนของแรม นั้นรองรับความจะได้สูงสุด 8GB ครับ และ รองรับบัสแรมได้ตั้งแต่ 400/533/800 รวมถึงบัส 1066 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบัส 1066 จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อท่านใช้ซีพียูที่ในตระกูล Phenom เท่านั้นนะครับ


ส่วนสล๊อตเชื่อมต่อการ์ดภายใน ก็มี PCI 2.2 จำนวน 3 สล๊อต PCI-Express x1 จำนวน 2 สล๊อต และ PCI-Express x16 จำนวน 1 สล๊อตครับ


ส่วนช่องเชื่อมต่อตัวเก็บข้อมูล ก็มี IDE Interface จำนวน 1ช่ิอง มีช่องเชื่อมต่อ SATA2 จำนวน 6 ช่อง รองรับ Raid 0-5 ในส่วนของช่องเชื่อมต่ออื่นๆก็มี 3USB , 1IEEE1394a , 1COM connector ที่เห็นได้อย่างชัดเจนครับ




1 x PS/2 Keyboard , 1 x S/PDIF Out
1 x IEEE 1394a , 1 x LAN(RJ45) port
6 x USB 2.0/1.1 , 8 -Channel Audio I/O
1 x HDMI

ระบบHDMI เทคโนโลยี่ใหม่ที่ควรรู้ 
รูปที่แนบมาด้วย
ภาพที่แนบมา
 HDMI มาตรฐานสำคัญที่ต้องรู้
โลกของเทคโนโลยีนับวันก็จะยิ่งพัฒนาไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของประสิทธิภาพ ขนาด รวมถึงความสะดวกสบาย
ในการใช้งานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
ในเรื่องของการเชื่อมต่อจำพวกพอร์ต คอนเน็กเตอร์หรือสายเคเบิลต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาไปด้วยเช่นเดียวกัน 
เพื่อให้รองรับการส่งข้อมูลที่มีประมาณมากขึ้นได้อย่างเต็มที่ อย่างในสมัยก่อนที่เราอาจจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ต่อผ่านทางพอร์ต 
D-Sub หรือที่เรียกกันว่า VGA จากนั้นก็มาเป็น DVI ซึ่งส่งข้อมูลแบบดิจิตอล ให้คุณภาพที่สูงมากขึ้นไปอีกขั้น
มาถึงยุคนี้คงจะหนีไม่พ้นมาตรฐานใหม่ที่เรียกกันว่า HDMI ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากอุปกรณ์ต่างๆ 
ในท้องตลอดไม่ว่าจะเป็นกราฟิกการ์ดที่ใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ หรือจะเป็นเครื่องมีเดียเพลเยอร์รุ่นทอปๆ รวมถึงจอแบบ
LCD TV ทั้งหลายก็เริ่มมีการติดตั้งอินเทอร์เฟซแบบ HDMI นี้ลงไปแล้วเช่นกัน



ภาพที่แนบมาHDMI คืออะไร มาตรฐาน HDMI เป็นมาตรฐานการส่งข้อมูลที่ทาง Sony, Hitachi, Thomson (RCA), Philips,
Matsushita (Panasonic), Toshiba และ Silicon Image ได้พัฒนาขึ้น โดยชื่อ HDMI 
นี้เป็นตัวย่อที่ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface ซึ่งความหมายของมันก็ตรงประเด็นครับ 
คือเป็นการเชื่อมต่อสำหรับมัลติมีเดียความละเอียดสูงนั่นเอง และด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมัลติมีเดียนั่นเอง
จึงทำให้มันมีจุดเด่นตรงที่มันรองรับการส่งทั้งสัญญาณภาพและเสียงไปพร้อมๆ กันบนสายเคเบิลเส้นเดียวกัน ผ่านพอร์ตๆ 
เดียวกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายและลดความสับสนในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ลงได้อย่างมากทีเ
ดียว JFBQ00137070104B.gif 

การต่อสายที่ยุ่งยากซับซ้อนจะถูกแก้ไขด้วยการเชื่อมต่อแบบ HDMI 

รูปที่แนบมาด้วย
ภาพที่แนบมาด้วยจุดประสงค์หลักของ HDMI ที่ถูกพัฒนาขึ้นก็เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค เพื่อให้ได้รับความบันเทิงเต็ม
รูปแบบกับระบบภาพและเสียงแบบ High-Definition และระบบเสียงรอบทิศทาง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่มีการเชื่อม
ต่อแบบ HDMI นั้น คุณอาจจะต้องเชื่อมต่อสัญญาณวิดีโอและสัญญาณเสียง อย่างน้อยก็ 2 ช่องทางแล้ว ยิ่งถ้าคุณต่อสัญญาณ
วิดีโอแบบ Component และใช้ระบบเสียงแบบ 5.1 หรือ 7.1-Channel ด้วยแล้ว จะต้องเชื่อมต่อสายเป็นสิบเส้น
ให้วุ่นวายไปหมด HDMI จึงช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อทุกอย่างได้ภายในสายเส้นเดียว เหมาะสำหรับพวกมีเดียเพลเยอร์
เครื่องเล่นเกมคอนโซล หรืออุปกรณ์ Set top box ต่างๆ ที่ต้องต่อเข้ากับทีวีอย่างยิ่ง
อนาคต อุปกรณ์จำพวกมีเดียเพลเยอร์หรือ Set tob box ก็จะหันไปใช้การเชื่อมต่อ HDMI กันหมด เพราะสะดวกกว่า 

รูปที่แนบมาด้วย
ภาพที่แนบมาคุณสมบัติของ HDMI แน่นอนว่าการเชื่อมต่อแต่ละชนิดย่อมต้องมีขีดจำกัดที่ถูกกำหนดมาไว้ด้วยก
ันทั้งสิ้น ซึ่งนั้นก็คือคุณสมบัติของ
การเชื่อมต่อนั้นเอง HDMI นี้ก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอินเทอร์เฟซอื่นๆ แต่ด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับ
กับมัลติมีเดียระดับ High-Definition อยู่แล้ว มันจึงมีความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลทั้งภาพวิดีโอและเสียงที่
คุณภาพระดับ High-Definition ได้อย่างสบาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการบีบอัดข้อมูลเลย
การส่งสัญญาณภาพ สำหรับการส่งภาพวิดีโอนั้นเนื่องจากแหล่งที่มาของข้อมูลภาพนั
้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ดังนั้นมันจึงจะถูกแปลงให้อยู่
ในรูปแบบของ MPEG เสียก่อน เพื่อใช้สำหรับส่งข้อมูลไปตามสาย ซึ่งการส่งข้อมูลภาพวิดีโอแบบ MPEG ผ่าน
HDMI นี้จะไม่มีการบีบอัดข้อมูลเลย ทำให้การสูญเสียคุณภาพนั้นไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของ HDMI นั่นเอง
รูปแบบการส่งข้อมูลนั้นจะเป็นแบบ TMDS ซึ่งเป็นรูปแบบการส่งข้อมูลแบบอนุกรมแบบเดียวกับที่ใช้บนการเชื่อมต่อแบบ
DVI นั่นแหละครับ

HDMI ก็จะมีการส่งสัญญาณวิดีโอที่คล้ายกับการเชื่อมต่อแบบ DVI ที่เราใช้งานกันอยู่นี่แหละครับ

รูปที่แนบมาด้วย
ภาพที่แนบมาขีดความสามารถในการส่งผ่านภาพวิดีโอของ HDMI นั้นจะขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของมาตรฐานด้วยเช่นกัน เนื่องจาก HDMI 
เป็นมาตรฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีเวอร์ชันที่ต่างกันอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ทุกๆ เวอร์ชันก็ยังคงใช้งานสายเคเบิล
แบบเดียวกันอยู่ เพียงแต่จะมีความสามารถในการส่งข้อมูลได้แตกต่างกันไป ตามเวอร์ชัน อย่างเช่นในเวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเป็น
เวอร์ชันแรก จะมีความเร็วในการส่งสัญญาณข้อมูลภาพอยู่ที่ 165 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะสามารถรองรับสัญญาณภาพแบบ
High-Definition ที่ความละเอียดสูงถึง 1080p ที่ 60 เฮิรตซ์ ได้ หรือระดับ WUXGA (1920x1080)
ซึ่งนั่นคือระดับความละเอียดสูงสุด แต่ถ้าต้องการความละเอียดที่สูงมากกว่านี้ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน HDMI
ที่มีเวอร์ชันสูงขึ้นอย่างเช่น 1.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดจะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 340 เมกะเฮิรตซ์ และมีสามารถส่ง
สัญญาณภาพที่ความละเอียดระดับ WQXGA (2560x1600) ได้
การส่งสัญญาณเสียง สำหรับการส่งสัญญาญเสียงนั้น HDMI ก็จะมีการส่งข้อมูลไปแบบไม่มีการบีบอัดเช่นเดียวกัน โดยจะเป็นข้อมูลเสียง
ระดับ 192 กิโลเฮิรตซ์ และมีการ Sample แบบ 24 บิต ซึ่งเป็นระดับเสียงเดียวกับที่ใช้ในระบบเดียว Dolby
Digital หรือ DTS นั่นเอง นอกจากนี้ HDMI ยังรองรับระบบเสียงแบบ 8 Channel และรองรับ One
Bit Audio ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ใน Super Audio CD ด้วย แต่จะมีอัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นและมากกว่า
Super Audio CD ถึง 4 เท่าด้วยกัน และยิ่งในเวอร์ชัน 1.3 ยิ่งมีการพัฒนาให้รองรับระบบเสียงที่มีคุณภาพเทียบเท่า
Dolby TrueHD และ DTS-HD Master Audio ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น